ทำไมคัดค้านการบูชาข้าวพระ



 

ในบทความ “การบูชาข้าวพระ” ผมได้กล่าวไปแล้วว่า “พิธีบูชาข้าวพระ” ของพระธัมมชโยนั้น มีผู้ไม่เห็นด้วยเป็นจำนวนมาก

แม้กระทั่ง พระราชญาณวิสิฐ (หลวงป๋า) ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อวัดปากน้ำด้วยเช่นเดียวกัน ก็ไม่เห็นด้วย และเห็นว่า อาหารที่ถวายกันนั้น ไม่ถึงพระพุทธเจ้า และพระพุทธเจ้าก็ไม่จำเป็นจะต้องเสวยอาหารดังกล่าว

ขอยกตัวอย่าง การแสดงความไม่เห็นด้วยกับ  “พิธีบูชาข้าวพระ” ของเว็บบอร์ดของลานธรรมดอทเน็ต  ซึ่งมีคนเข้ามาเสนอความเห็นเรื่อง “การบูชาข้าวพระ” ทั่วๆ ไป ไม่ใช่เป็นกรณีของพระธัมมชโยโดยเฉพาะ โดยตั้งชื่อของกระทู้ว่า “ทำไมบางคนคัดค้านการบูชาข้าวพระ

โดยมีเนื้อหาของการเสนอประเด็น ดังนี้ (การเสวนาครั้งนี้เกิดเมื่อ เมษายน 2546)


ผมเห็นว่า การบูชาข้าวพระเป็นการดี เพราะทำคล้ายๆ กับพระอานนท์ ที่ดูแลพระคันธกุฎีหลังพุทธปรินิพพานแล้ว เหมือนกับพระพุทธองค์ดำรงพระชนม์อยู่

การบูชาข้าวพระ เราก็รู้ว่าไม่ได้ให้พระพุทธเจ้าฉัน แบบเซ่นผี แต่เป็นการ "บูชา" ด้วยภัตตาหาร คล้ายๆ กับว่า งานมงคลนั้นๆ มีพระพุทธเจ้ามาเป็นประธานอยู่ด้วย

แต่ทำไมบางคนจึงค้านหัวชนฝาว่า เป็นการงมงายและไร้สาระ  และสอนไม่ให้มีการบูชาข้าวพระด้วย อย่างเช่น “ท่านจันทร์” สันติอโศก

การบูชาข้าวพระ ผมว่า เป็นการบูชาเหมือนกับการบูชาด้วยดอกไม้ธูปเทียน  ไม่เห็นจะไร้สาระตรงไหน ???

ชาวพุทธทั้งหลายมีความเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ครับ ???


มีผู้เข้าไปร่วมให้ความเห็นกันมากพอสมควร ผมจะเลือกประเด็นที่น่าสนใจ และนำมาวิพากษ์วิจารณ์ เพื่อเป็นการปูทางไปสู่เรื่อง “การถวายอาหารทะเล” ของคุณลุงการุณย์ บุญมานุชและคณะศิษย์ต่อไป

มีคนใช้ชื่อว่า “ฝากตอบ” เข้ามาให้ความเห็นดังนี้


เพราะ..พระพุทธเจ้าท่านปรินิพพานไปนานแล้ว ท่านจึงไม่มีความต้องการใดๆ อีก  ลองคิดดูตามเหตุผลแล้ว คือ บูชาข้าวพระพุทธไปแล้ว ท่านก็ไม่ได้ฉันภัตตาหารนี้หรอก

แต่เป็นการกระทำของพุทธศาสนิกชนบางกลุ่ม เพื่อย้ำเตือนจิตเตือนสติตนเองว่า จะทำสิ่งใดให้ระลึกถึงบุญคุณของท่าน อีกทั้งให้รับประทานอาหารด้วยความไม่ประมาท.


ความคิดเห็นของคุณฝากตอบนี้ เป็นการตอบแทนพระพุทธเจ้าโดยใช้เหตุผลของตัวท่านเอง คือ ท่านไม่เชื่อ ท่านก็โต้แย้งออกมาอย่างนั้น

ประเด็นที่สามารถถกเถียงคุณฝากตอบได้อย่างสบายก็คือ ถ้าเป็นผม ผมจะถามว่า “คุณฝากตอบเคยไปสัมภาษณ์พระพุทธองค์ในอายตนะนิพพานมาหรือ!!!

คุณฝากตอบ มีความเข้าใจในเรื่อง “อายตนะนิพพาน, “พระนิพพาน” และ “นิพพาน” อย่างถ่องแท้แล้วหรือ!!!  ถึงได้กล้าฟันธงว่า “บูชาข้าวพระพุทธไปแล้ว ท่านก็ไม่ได้ฉันภัตตาหารนี้หรอก

ต่อมาคุณ kaan ได้เข้ามาให้ความเห็นบางส่วนดังนี้


กรณีการถวายข้าวพระพุทธ (ผมไม่ทราบว่า มีในพระไตรปิฎกหรือไม่ที่ใด) แต่ผมมั่นใจว่า พระพุทธองค์ไม่สอนให้ทำ เพราะรู้กันชัดๆ แล้วว่า พระพุทธองค์ปรินิพพานแล้ว ไม่มีตัวตนที่จะเสวยอาหารใดๆ ได้แล้ว และพระองค์ก็สรรเสริญการปฏิบัติบูชา

ไม่สรรเสริญอามิสบูชา แต่ใครจะทำเพื่อแสดงความกตัญญูในระดับนี้ ก็ไม่ว่ากัน (แต่มันก็มีผลเสียทำให้อนุชนสับสนว่า พระพุทธองค์ยังมีตัวตนที่จะเสวยได้อีก หรือไหนว่า นิพพานเป็นอนัตตา)


ความเห็นของคุณ kaan นั้น หนักหนาสาหัสไปกว่าของคุณฝากตอบเข้าไปอีก เพราะกล้าฟันธงไปว่า “พระพุทธองค์ปรินิพพานแล้ว ไม่มีตัวตนที่จะเสวยอาหารใดๆ ได้แล้ว” และย้ำความเชื่อของคุณ kaan เองว่า “นิพพานเป็นอนัตตา

สำหรับประเด็นความเข้าใจผิดเกี่ยวกับนิพพานเป็นอนัตตา และความรู้ที่เกี่ยวข้องนั้น เพราะคำสอนของพระที่ไปเชื่อวิทยาศาสตร์ ผมได้เขียนไปแล้วเป็นจำนวนมาก สนใจขอให้ไปอ่านได้ที่นี่

1-  การบรรลุมรรคผลนิพพาน-  http://achievenipphan.blogspot.com/
2-  ความผิดของนักปริยัติ-  http://pariyatermisleading.blogspot.com/
3-  ความหมายตรงตัวของนิพพาน-  http://denotativemeaningofnivarana.blogspot.com
4-  จิตไม่เป็นนามธรรม-  http://noabstractmind.blogspot.com/
5-  ตายแล้วเราไปไหน-  http://wherewegoafterdeath.blogspot.com
6-  นรกสวรรค์มีจริง-  http://hellandheavenexists.blogspot.com/
7-  “นิพพานเป็นอัตตา” ไม่รู้จริงหรือ!!-  http://nivaranaisself.blogspot.com/
8-  การโกหกว่านิพพานเป็นอนัตตา-  http://nipphananattacheating.blogspot.com
9-  ปริยัติ-  ปฏิบัติ-  http://patibatpariyat.blogspot.com
10-  พระพุทธเจ้าเป็นคนไทยจริงหรือ!!-  http://phraphutthajauthai.blogspot.com
11-  เห็นธรรมแบบไม่จริง-  http://wronglyseethamma.blogspot.com/
12-  เห็นนิพพานเป็นไปได้หรือไม่-  http://nipphanthammakai.blogspot.com
13-  พุทธทาส-  http://Phutthathat.blogspot.com
14-  สุชีพ ปุญญานุภาพ-  http://sucheeppunyanuphap.blogspot.com/
15-  บุญมี เมธางกูร-  http://bunmeeaphitham.blogspot.com/
16-  ตาเห็นธรรมไม่ได้-  http://cannotseeduangtham.blogspot.com/
17-  ว วชิรเมธี-  http://wachiramethi.blogspot.com/


ต่อมาท่านจันทร์ ได้เข้ามาให้ความเห็นเองเลย ดังนี้




    ๑. อ่านความเห็นของพวกเราแล้ว ทั้งที่เห็นตาม และเห็นต่าง ด้วยความเข้าใจ
    ๒. การถวายข้าวพระพุทธรูป เหมือนเป็นการดูถูกพระพุทธเจ้า
    ๓. พระพุทธเจ้าบรรลุถึงภาวะสูงสุดแล้ว ไม่มีอะไรจะยิ่งไปกว่าปรินิพพาน
    ๔. การถวายข้าวพระพุทธ สวนกระแสหลักการปรินิพพานของพระพุทธองค์
    ๕. หลักการของพุทธแท้ ต้องเป็นไปเพื่อ โลกุตตระ และ อเทวนิยม
    ๖. ไม่มีเวลาจะเถียงกับใครในเรื่องความเชื่อ แต่ยินดีรับฟังทุกความเห็นที่ไร้อคติ


ท่านจันทร์รูปนี้ น่าจะอาการหนักกว่าทุกๆ คนที่กล่าวมาข้างต้น

อันที่จริงกระทู้นี้ ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากการต่อต้านการถวายข้าวพระพุทธ หรือการถวายข้าวพระพุทธรูปของท่านนั่นเอง

ท่านจันทร์ไปไกลกว่าคนอื่นเขา เพราะ เห็นว่า  “การถวายข้าวพระพุทธรูป เหมือนเป็นการดูถูกพระพุทธเจ้า”  ท่านคิดอย่างนั้นได้อย่างไร

คนถวายนั้น จะด้วยความไม่รู้ หรืออาจจะ “รู้” มากกว่าคนอื่น ก็มีวัตถุประสงค์อย่างเดียวกัน คือ อยากได้บุญได้บารมี การถวายข้าวพระพุทธรูปจะเป็นการดูถูกพระพุทธองค์ไปได้อย่างไร

ถึงแม้อาหารที่ถวายนั้น จะไม่ถึงพระพุทธองค์ การกระทำดังกล่าวก็เป็น “พุทธานุสติ” ซึ่งเป็นวิธีการหนึ่งของการปฏิบัติสมถกรรมฐาน

นอกจากนั้นแล้วยัง ท่านจันทร์ยังกล่าวหาไปถึงว่า “การถวายข้าวพระพุทธ สวนกระแสหลักการปรินิพพานของพระพุทธองค์

คำกล่าวหาดังกล่าวนั้น ท่านจันทร์เห็นว่า การถวายข้าวพระพุทธเจ้านั้น ขัดกับ “หลักการ” ของศาสนาพุทธเลยทีเดียว

ในส่วนนี้ขอสรุปก่อนว่า  “การบูชาข้าวพระ” นั้น ก็คือ การถวายข้าวพระพุทธ ซึ่งคนไทยทำกันมาช้านานแล้ว  ในการทำบุญทุกครั้ง ก็จะต้องมีการถวายข้าวพระพุทธ ซึ่งเป็นประธานด้วยเสมอ

การถวายข้าวพระพุทธนั้น มีทั้งผู้เห็นด้วยไม่เห็นด้วย  พวกไม่เห็นด้วยอย่างสุดกู่ก็คือ กลุ่มของสันติอโศก โดยเฉพาะท่านจันทร์เล่นแรงถึงขนาดว่า คนถวายข้าวพระนั้น ไปนิพพานไม่ได้เลยทีเดียว

อย่างไรก็ดี ผมขอเปิดเผยความจริงอันน่าขนลุกสำหรับพระของสันติอโศกว่า “พระพุทธองค์ทรงไม่ยอมรับว่า พระของสันติอโศกเป็นพระในศาสนาของพระองค์

อันนี้ขอบอกก่อนว่า ไม่ได้มีอคติต่อพระของสันติอโศกเป็นการส่วนตัว แต่พระพุทธองค์ท่านทรงรับสั่งมาเช่นนั้นจริงๆ

บางท่านอาจจะมีคำถามสงสัยขึ้นมาในใจว่า “เราสามารถไปติดต่อหรือไปเข้าพบกับพระพุทธเจ้าได้หรือ

ตรงนี้ก็ต้องขอตอบว่า ในหนังสือของหลวงพ่อวัดปากน้ำอธิบายวิธีการปฏิบัติธรรม ที่ทำให้ผู้ปฏิบัติไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ได้จริง  และมีผู้ปฏิบัติธรรมทำตามคำสอนแล้ว ไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ได้จริงๆ

ผู้ที่ทำได้แบบนั้น ไม่ใช่มีคนสองคน มีเป็นจำนวนหมื่น เป็นจำนวนแสน  ใครจะเชื่อ หรือไม่เชื่อก็เลือกได้ตามสะดวก


คนที่ไม่เชื่อ แต่ต้องการจะพิสูจน์ คณะทำงานของมูลนิธิศึกษาการุณย์มาสามารถพิสูจน์ให้ท่านได้รู้ ได้เห็นตลอดเวลา.



4 ความคิดเห็น:

  1. สาธุครับ ในความรู้นี้ครับ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ20 กรกฎาคม 2557 เวลา 20:24

    สรุปแล้ว ทุกท่านที่แสดงความคิดเห็นล้วนผิดหมด ไม่ถึงบ้าง สับสนบ้าง ดังนั้นขอแสดงความคิดเห็นคือว่า ท่านเป็นผู้รู้แจ้งที่สุด สามารถถวายข้าวพระพุทธเจ้าได้ ถวายอาหารทะเลได้ และพระพุทธเจ้าสามารถรับได้ผู้ถวายมีบารมีและอานิสงส์อย่างยิ่ง ดังนั้นท่านจึงเป็นผู้สุดยอดที่สุดแล้ว ผู้รู้แจ้งหรือพระอรหันต์จะไม่แสดงตนแต่อย่างไร จากที่ได้อ่านหรือฟังคำสอนของพระสงฆ์หลายรูป ได้รับรู้ว่าพระพุทธเจ้าพระองค์ท่านเสร็จกิจทุกเรื่องแล้ว ไม่มีอะไรที่จะต้องทำอีกต่อไป การที่พุทธศาสนิกชนถวายข้าวพระพุทธเจ้าก็เพื่อเพียงแสดงความระถึงในพระปัญญาธิคุณ พระบริสุทธิคุณและพระมหากรุณาธิคุณ และถือปฏิบัติกันต่อๆมาเท่านั้น

    ตอบลบ
  3. อ่านใหม่อย่างตั้งใจ แล้วค่อยมาให้ความเห็น

    อ่านลวกๆ แล้วมาให้ความคิดเห็น มันเป็นการกระทำของพวกสมองหมา ปัญญาควาย

    ตอบลบ
  4. ก็เห็นหลายๆคนที่มีจิตใจดี นึกถึงบรรพบุรุษ ตื่นเช้ามา ก่อนทานข้าว ก่อนออกจากบ้าน ต้องจัดสำรับ ถวายอาหารพระพุทธก่อนทุกเช้า เขาไม่ได้รู้จักวัดธรรมกาย เขาไม่เคยไปวัดธรรมกาย เขาเห็นปู่ย่าตายาย เขาทำกันมา เขาเชื่อกันมาอย่างนั้น และก็เห็นทุกงาน หรือที่วัดบ้านนอก(เพราะอยู่บ้านนอก)ก่อนถวายอาหารพระ ก็ต้องจัดที่หนึ่ง ถวายพระพุทธเจ้าก่อน ก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาเชื่อกันอย่างนั้น นอกจากว่า เขาจะระลึกนึกถึงบุญคุณของผู้มีพระคุณ แล้วเขาก็เชื่อว่า พระพุทธเจ้าเป็นผู้มีพระคุณสูงสุด ก็เลย ทุกๆวันเขาต้องถวายข้าวท่านก่อน. ส่วนบางคนไม่ได้ทำ เพราะไม่มีเวลา หรือไม่มีบ้านที่จะหุงข้าว พอมีวัดพระธรรมกายมีพิธีนี้ให้ ก็เลย เอ้อดีจัง เราจะได้บุญจากการได้ถวายข้าวพระพุทธเหมือนเขาบ้าง อย่างน้อยเดือนละครั้งก็ยังดี ความเห็นส่วนตัว พระพุทธเจ้าจะได้รับ ได้ฉันหรือไม่ ไม่ติดใจ แตมีความสุขที่ได้ทำ ได้มีพิธีสวดมนต์นึกระลึกถึงท่าน

    ตอบลบ