มีนักศึกษาท่านหนึ่ง
ติดตามอ่านบทความของผมมาตลอด จนกระทั่งภาคการศึกษาหนึ่ง นักศึกษาผู้นี้ ถูกบังคับกลายๆ
จากอาจารย์ให้เข้าไปปฏิบัติธรรมในวัดพระธรรมกายเพื่อจะได้คะแนน “จริยธรรม” ผมได้บอกให้เก็บบันทึกข้อมูลไว้
เพื่อที่จะนำมาวิพากษ์วิจารณ์
ท่านผู้อ่านท่านนั้น
หมดภารกิจแล้ว จึงส่งข้อมูลมาให้ผม ผมได้ลงให้ทั้งหมด และจะวิพากษ์วิจารณ์ไปแล้วบางส่วน ถ้าสนใจให้ติดตามอ่านได้ที่บล็อก “ประสบการณ์ในวัดไชยบูลย์”
สำหรับในบทความชุดนี้
ขอนำด้วยข้อมูลและคำถาม ดังนี้
13. เรื่องการบูชาข้าวพระ โดยพระอาจารย์ในขณะที่กำลังเทศน์เรื่อง (อะไร จำไม่ได้) ก็เสริมเรื่องบูชาข้าวพระว่า เป็นการนำอาหารไปถวายพระพุทธเจ้าโดยตรงในอายตนะนิพพาน จะได้บุญมาก
โดยผู้ค้นพบวิธีการบูชาข้าวพระคือ คุณยายทองสุข สำแดงปั้น
(ถ้าจำไม่ผิด) และคุณยายแม่ชีจันทร์
โดยเป็นคำสั่งของหลวงพ่อวัดปากน้ำว่า ให้ค้นไปดูว่า
บุญใดจะทำให้ได้ถึงที่สุดแห่งธรรมเร็วๆ ก็ไปพบวิธีนี้
ตรงนี้ผมอยากให้ ดร.มนัส ช่วยเสริมหน่อยว่า ทำไมต้องบูชาข้าวพระ
แล้วทำไมต้องเป็นอาหารทะเลเท่านั้น
13. เรื่องการบูชาข้าวพระ โดยพระอาจารย์ในขณะที่กำลังเทศน์เรื่อง
(อะไร จำไม่ได้) ก็เสริมเรื่องบูชาข้าวพระว่า
เป็นการนำอาหารไปถวายพระพุทธเจ้าโดยตรงในอายตนะนิพพาน จะได้บุญมาก
[วิพากษ์วิจารณ์]
จากข้อความของนักศึกษาก็แสดงให้เห็นว่า
“พิธีบูชาข้าวพระ”
เป็นกิจกรรมที่เน้นให้มีการประชาสัมพันธ์มากเป็นพิเศษ
ไม่ว่า
พระวิทยากรจะสอนในเรื่องใดๆ ก็ต้องสอดแทรก “พิธีบูชาข้าวพระ”
เข้าไปด้วยเสมอ
สำหรับข้อความด้านล่างนี้
เรื่องการบูชาข้าวพระ โดยพระอาจารย์ในขณะที่กำลังเทศน์เรื่อง (อะไร
จำไม่ได้) ก็เสริมเรื่องบูชาข้าวพระว่า
เป็นการนำอาหารไปถวายพระพุทธเจ้าโดยตรงในอายตนะนิพพาน จะได้บุญมาก
ตรงนี้
คุณลุงการุณย์ บุญมานุชก็ยืนยังในลักษณะเดียวกัน
แต่คำอธิบายที่ว่า “จะได้บุญมาก” นั้น ได้อย่างไร ทำไมถึงได้บุญมากอย่างนั้น
ไม่มีคำอธิบายจากพระวิทยากรของวัดพระธรรมกาย
ประเด็นสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ
“วิธีทำ” การถวายข้าวให้พระพุทธองค์ซึ่งทรงอยู่ในอายตนะนิพพานนั้น
ทำเพียง “ความตั้งใจ” ให้ถึง จะถึงได้หรือ!!!
ถ้าเพียงตั้งใจ
ตั้งจิตอธิษฐาน ทำไม่ได้
แล้วกรรมวิธีที่ถูกต้องจะต้องทำอย่างไร
ตรงนี้เป็นประเด็นสำคัญ
เพราะ ถ้าตั้งใจและตั้งจิตอธิษฐานแล้ว ทุกคนก็สามารถทำได้ การบูชาอาหารพระพุทธเจ้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องให้พระธัมมชโยเป็นผู้นำพิธี
ใครจะทำที่ไหนก็ต้องทำได้เหมือนกัน
จะเห็นได้ว่า
“วิธีทำ”
การบูชาข้าวพระนั้น ยังคลุมเครือ
ไม่มีคำอธิบายที่ฟังแล้วเป็นเหตุเป็นผลออกมาจากวัดพระธรรมกาย
ข้อความนี้
โดยผู้ค้นพบวิธีการบูชาข้าวพระคือ คุณยายทองสุข สำแดงปั้น
(ถ้าจำไม่ผิด) และคุณยายแม่ชีจันทร์
โดยเป็นคำสั่งของหลวงพ่อวัดปากน้ำว่า ให้ค้นไปดูว่า
บุญใดจะทำให้ได้ถึงที่สุดแห่งธรรมเร็วๆ ก็ไปพบวิธีนี้
[วิพากษ์วิจารณ์]
ข้อความนี้
“ไม่จริง”
การบูชาข้าวพระในสมัยการนำของแม่ชีทองสุก หลวงพ่อวัดปากน้ำไม่ได้สั่งให้ทำ
หลวงพ่อวัดปากน้ำก็ไม่เคยทำด้วยตัวของท่านเองด้วย
และมีหลักฐานมาจากกลุ่มบุคคลของวัดหลวงพ่อสดธรรมกายารามว่า “หลวงพ่อสั่งห้ามทำอีกด้วย”
การทำพิธีถวายข้าวพระพุทธเจ้าในสมัยแม่ชีทองสุกนั้น
เป็นการพัฒนาวิชาของแม่ชีทองสุกเอง
ต้องเข้าใจด้วยว่า
วิชาธรรมกายของแม่ชีทองสุกนั้น จะว่าผิด ก็ไม่ผิด จะว่าถูก ก็ไม่ถูก เป็นวิชาที่ผิดๆ
ถูกๆ ปนเปกันไป
หลักฐานสำคัญก็คือ
คุณลุงการุณย์ บุญมานุช ซึ่งอยู่ร่วมในพิธีถวายข้าวพระพุทธเจ้ามาโดยตลอดในช่วงที่ท่านสอนอยู่ในกรุงเทพฯ ต้องไปแก้วิชากับแม่ชีถนอม อาสไวย์ ถึง 8 ปี วิชาธรรมกายของคุณลุงจึงถูกต้องขึ้น
ข้อความนี้
ตรงนี้ ผมก็แอบถามพระอาจารย์ (พี่เลี้ยง) อีกทีว่า
ต้องเป็นอาหารทะเลหรือไม่ ท่านก็ว่า ไม่จำเป็น
ตรงนี้ผมอยากให้ ดร.มนัส ช่วยเสริมหน่อยว่า ทำไมต้องบูชาข้าวพระ
แล้วทำไมต้องเป็นอาหารทะเลเท่านั้น
[วิพากษ์วิจารณ์]
ข้อความดังกล่าวนั้น
“ถูกต้อง” เพราะ จะอาหารอะไรก็ได้ ที่พระฉันได้
ก็สามารถถวายพระพุทธเจ้าได้ทั้งนั้น
ในการประชุมประจำเดือนของวิทยากร
เราก็มีพิธีถวายอาหารพระพุทธเจ้าเช่นเดียวกัน
และก็ไม่ใช่อาหารทะเล
แต่อย่างไรก็ดี
จากประสบการณ์การถวายอาหารให้กับพระพุทธองค์มาหลายสิบปี คุณลุงการุณย์ ท่านเล่าให้ฟังว่า ธาตุธรรมทั้งหมด
ทั้งพระพุทธเจ้ากายธรรม พระพุทธเจ้านิพพานเป็น รวมถึง จักรพรรดิ ท่านทั้งหลาย
“ชอบ” อาหารทะเลเป็นพิเศษ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น