พระอานนท์ต้นเรื่อง


 

ดังได้กล่าวมาแล้วในบทความ 2 ชิ้นข้างต้นว่า “พิธีบูชาข้าวพระ” ของพระธัมมชโยนั้น เป็นกรณีอื้อฉาว (Scandal) เรื่องหนึ่ง ที่ก่อให้เกิดการโต้แย้งถกเถียงขึ้นในสังคมไทย

กลุ่มบุคคลที่ไม่เห็นด้วย ถ้าเป็นนักวิชาการก็จะโต้แย้งว่า พระพุทธองค์ปรินิพพานไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องเสวยพระกระยาหารอีกแล้ว 

บางกลุ่มก็ว่า นิพพานเป็นอนัตตา  พระพุทธองค์ไม่มีตัวตนแล้ว  จะยังมาเสวยพระกระยาหารได้อย่างไร

กลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่เห็นว่า พระธัมมชโยปราชิกไปแล้ว เป็นอลัชชีที่หลอกลวงประชาชน ก็ตั้งข้อสงสัยว่า  พิธีบูชาข้าวพระ” เป็นการหลอกลวงเงินของประชาชนอีกเรื่องหนึ่ง

พระธัมมชโยไม่เคยชี้แจงว่า วัดพระธรรมกายใช้จ่ายในกิจกรรมดังกล่าวเป็นจำนวนเท่าไหร่  มีรายได้เข้าเท่าไหร่  จ่ายออกไปเท่าไหร่

พิธีบูชาข้าวพระ” ก็เป็นความไม่โปร่งใสในวัดพระธรรมกาย เช่นเดียวกับกิจกรรมอื่นๆ ของวัด

อย่างไรก็ดี  เมื่อศึกษาลึกลงไปแล้วปรากฏว่า “การบูชาข้าวพระ” นั้น พุทธศาสนิกชนชาวไทยทำกันทุกภาคส่วนของประเทศไทย และทำกันมาช้านานแล้ว 

แต่ไม่ค่อยมีใครสังเกตเองเท่านั้น  นั่นก็คือ  การถวายข้าวพระพุทธ” นั่นเอง

เว็บ Buddha Vipassana เขียนหน้าเพจเรื่อง “ถวายข้าวพระพุทธ ลาข้าวพระพุทธ” ไว้ดังนี้


คําถวายข้าวพระพุทธ
อิมังสูปะพยัญชะนะสัมปันนัง สาลีนัง โอทะนัง อุทะกัง วะรัง พุทธัสสะ ปูเชมิ

ข้าพเจ้าขอบูชาโภชนาหาร พร้อมด้วยแกง และกับข้าว และนํา อันประเสริฐนี้แด่พระพุทธเจ้า

คําลาข้าวพระพุทธ
เสสัง มังคะลัง ยาจามิ  ข้าพเจ้า ขอสิ่งที่เหลืออันเป็นมงคล

แน่นอนว่า พระพุทธเจ้า คงไม่ฉันอาหารที่เราประเคนให้ท่าน ผ่านองค์พระพุทธรูปอยู่แล้ว เพราะพระองค์ได้ “ปรินิพพาน” ไปนานแล้ว

แต่เราสามารถเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ก็ได้ว่า เรานําอาหารมาบูชาท่านเหมือนกับ ที่เรานําดอกไม้ธูปเทียนมาบูชาท่าน

อะไรก็ตาม ที่เราตั้งใจจัดหามาบูชาด้วยความสุจริตใจถือว่า เป็นเครื่อง สักการะได้ทั้งสิ้น ขอเพียงเข้าใจว่า ท่านไม่ได้มีจิตวิญญาณมาฉันอาหารของเราเท่านั้นเอง

พิธีกรรมนี้มีมานานแล้ว คนรุ่นใหม่ที่ชอบตั้งคําถามเกี่ยวกับพิธีกรรม คงต้องเรียนรู้ในการเปลี่ยนมุมมอง

แทนที่จะยกของเก่าทิ้งไปทั้งหมด หาไม่แล้วอาจไม่เข้าใจในภูมิปัญญาของคนโบราณและกุศโลบายที่แฝงอยู่ในพิธีกรรมต่างๆ


เว็บ Buddha Vipassana ทำแปลกๆ คือ กระทำสิ่งที่ขัดแย้งในตัวเอง

หน้าเว็บนี้ ตั้งชื่อเป็นภาษาอังกฤษปนกับภาษาไทยว่า “TRUTH OF BUDDHA: ถวายข้าวพระพุทธ ลาข้าวพระพุทธ” ถ้าแปลเป็นภาษาไทยก็ว่า “ความจริงเกี่ยวพระพุทธเจ้า ประเด็นถวายข้าวพระพุทธ ลาข้าวพระพุทธ”

วัตถุประสงค์ของเว็บก็คือ นำความจริงเกี่ยวกับพระพุทธเจ้ามีเสนอแต่พุทธศาสนิกชน

แต่เว็บนี้ ก็ไม่เชื่อว่า การถวายอาหารจะถึงพระพุทธเจ้า แล้วนำเรื่องนี้มาเขียนทำไม เพราะ มันเป็นเรื่องไม่จริงในความเชื่อของคนเขียนเว็บ

อย่างไรก็ดี  เราก็ได้ความรู้จากเว็บนี้ว่า การถวายข้าวพระพุทธเจ้านั้น พุทธศาสนิกชนปฏิบัติกันมาช้านานแล้ว

ผู้ที่ให้ข้อมูลข่าวสารได้ที่ดีที่สุดน่าจะเป็น พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ ซึ่งได้ผู้นำคำสอนของท่านมาเขียนเป็นหน้าเพจที่มีชื่อว่า “การถวายข้าวพระพุทธ  ดังนี้


ในงานบุญแต่ละอย่างจะมีการถวายข้าวพระพุทธก่อน การถวายข้าวพระพุทธบางท่านไปตำหนิว่าเหมือนการเซ่นไหว้ของศาสนาพราหมณ์ แต่ความจริงเป็นการกระทำตามอย่างพระอานนท์

พระอานนท์ท่านอยู่อุปัฏฐากรับใชัพระพุทธเจ้ามาหลายปี แม้พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ด้วยความเคยชินท่านก็ไปปัดกวาดเช็ดถูกุฏิ ตั้งน้ำใช้น้ำฉัน ตั้งภัตตาหารเอาไว้ เป็นการกระทำที่แสดงออกซึ่งความเคารพและกตัญญูต่อครูบาอาจารย์

พอมารุ่นหลัง ๆ ครูบาอาจารย์ที่ท่านรู้จริง ท่านก็สอนให้ยึดในพุทธานุสติ อย่างเช่น การถวายข้าวถวายน้ำก็เป็นการถวายเพื่อระลึกถึงพระพุทธเจ้าโดยตรง ครูบาอาจารย์ก็แนะนำให้ทำ

ทีนี้มีปัญหาตรงที่ว่า ถ้าเป็นที่วัด บรรดาทายกมักเลือกอาหารที่ดีที่สุด จัดเป็นสำรับไปถวายพระพุทธเจ้า

พอถึงเวลาประเคนภัตตาหารสงฆ์ พระท่านฉัน พระพุทธเจ้าท่านนั่งมองเฉย ๆ ท่านไม่ได้ฉันด้วย พอเสร็จพิธีก็ลา “เสสัง มังคะลา ยาจามิ” ทายกคว้าไปซัดเสียเอง


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ ท่านให้ข้อมูลที่ถูกต้องเป็นจริงที่ว่า พิธีกรรมนี้ กระทำกันมานานแล้ว  ตั้งแต่สมัยพระอานนท์


แต่ท่านก็ไม่เชื่อว่า พระพุทธองค์จะฉันอาหารที่ถวายไปได้  ท่านถึงกับกล้ากล่าวว่า “พระพุทธเจ้าท่านนั่งมองเฉย ๆ ท่านไม่ได้ฉันด้วย

ทำอย่างกับนั่งอยู่ในอายตนะนิพพานข้างๆ พระพุทธองค์เลย

พระมหาชัยวุธ โภชนุกูล ฉายา ฐานุตฺตโม ได้เขียนเรื่อง “ถวายข้าวพระพุทธ” ไว้ใน gotoknow มีข้อความบางส่วน ดังนี้


ข้าวถวายพระพุทธ คือ ชุดอาหารพิเศษที่จัดไว้เพื่อถวายพระพุทธเจ้า โดยมากมักจะจัดใส่จานหรือถ้วยเล็กๆ เป็นข้าว ๑ ที่ อาหาร ๒-๓ อย่าง ขนมนิดหน่อย และน้ำอีก ๑ แก้ว

โดยจัดสำรับทั้งหมดใส่วางไว้บนถาด... หรือบางครั้งเจ้าภาพก็อาจจัดใส่หม้อและจานหรือถ้วยโตๆ ตามปกติที่คนทั่วไปใช้รับประทานก็ไม่ถือว่าแปลกอะไร... แล้วก็นำไปวางไว้เบื้องหน้าพระประธานในพิธี...

มีคำถวายข้าวพระพุทธเป็นภาษาบาลีว่า อิมัง สูปะพยัญชะนะสัมปันนัง สาลีนัง อุทะกัง วะรัง พุทธัสสะ ปูเชมิ แปลว่า ข้าพเจ้าขอถวายน้ำข้าวพร้อมด้วยแกงอันประเสริฐนี้แด่พระพุทธเจ้า ...

การจัดข้าวถวายพระพุทธนี้ ก็เหมือนๆ กับการจัดข้าวถวายผู้ตายที่ข้างหีบศพ การจัดข้าวถวายศาลพระภูมิตามบ้าน หรือการจัดข้าวถวายแม่ย่านางเรือ เป็นต้น ...

ความแปลกกันก็คือ ข้าวถวายพระพุทธ จะไม่มีสุรา เบียร์ หรือสิ่งอื่นๆ ที่คิดว่าไม่เหมาะสมในการถวายพระ และจะไม่ถวายยามวิกาลคือหลังเที่ยง...

ส่วนข้าวถวายแบบอื่น มักจะมีบางสิ่งบางอย่างนอกเหนือไปจากสิ่งที่ถวายพระ และถวายได้โดยไม่จำกัดเวลา...


หลวงพ่อชัยวุธเห็นแปลกกว่าคนอื่น เพราะ เห็นว่าการบูชาข้าวพระพุทธเหมือนกับ “การจัดข้าวถวายผู้ตายที่ข้างหีบศพ การจัดข้าวถวายศาลพระภูมิตามบ้าน หรือการจัดข้าวถวายแม่ย่านางเรือ

น้ำหนักของข้อความนั้น ก็แสดงให้เห็นว่า หลวงพ่อชัยวุธก็ไม่เชื่อเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน

โดยสรุป

การถวายข้าวพระพุทธเจ้านั้น ผู้ที่ทรงกระทำเป็นท่านแรกก็คือ พระอานนท์พุทธอุปัฏฐานของพระพุทธเจ้า

ก็แสดงให้เห็นว่า  การถวายข้าวพระพุทธนั้น ต้องมีสาระพอสมควร ไม่อย่างนั้น พระอรหันต์อย่างพระอานนท์คงไม่ทำเป็นแน่..



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น